สิ่งแรกที่เราเจอก็คือภาพภายในโบสถ์และวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อซำปอกง ประวัติวัดกัลยาณมิตร เจ้าพระยานิกรบดินทร์(โต)ต้นสกุลกัลยาณมิตร ว่าที่สมุหนายก ได้อุทิศบ้านและที่ดินบริเวณใกล้เคียง ซึ่งแต่เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีภิกษุจีนพำนักอยู่ และเรียกกันต่อมาว่า "หมู่บ้านกุฎีจีน" สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๘ และน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระราชทานนามว่า "วัดกัลยาณมิตร" และทรงสร้างพระวิหารหลวงและพระประธานพระราชทาน เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชื่อ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ด้วยมีพระประสงค์จะให้เหมือนกรุงเก่า คือมีพระโตอยู่นอกกำแพงเมือง อย่างเช่นวัดพนัญเชิง ข้อมูลมาจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี https://th.wikipedia.org/wiki/
เมื่อเดินเข้าไปภายในบริเวณโบสถ์ก็พบกับประตูศิลาและ มีนักท่องเที่ยวที่เป็นฝรั่งกำลังจุดธูปไหว้พระอยู่กันหลายคนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมากับไกด์โดยใช้จักรยานปั่นไปตามแหล่งท่องเที่ยว ชมวิถีชุมชนและความเป็นอยู่ของคนไทย ผมสังเกตุอย่างหนึ่งระหว่างนักท่องเที่ยวสองกลุ่มคือกลุ่มโซนยุโรปเขาจะชอบท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านและเขาจะมากันกลุ่มเล็กๆคือมากันเป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ส่วนนักท่องเที่ยวอีกลุ่มมาจากโซนเอเซียเขาชอบมากันเป็นกลุ่มใหญ่และที่เที่ยวหลักๆคือไหว้พระ ชมธรรมชาติและที่สำคัญคือชอบช็อปปิ้ง แต่ว่าไปแล้วก็คล้ายคนไทยเหมือนกันนะ 555+
จุดที่1 จุดธูป 5 ดอก ไหว้หลวงพ่อซำปอกง
จุดที่ 2 จุดธูป 3 ดอก มีเทพปกป้องรักษา 3 องค์
จุดที่ 3จุดธูป 3 ดอก มีเทพ 3 องค์ คือเทพเจ้าแห่งหมอยา เทพแห่งโชคลาภ เทพแห่งความมั่งคง
เทพแห่งหมอยา
เทพแห่งโชคลาภ
เทพแห่งความมั่นคง
จุดที่ 4 จุดธูป 3 ดอก มีเทพ 3 องค์ คือ เทพแห่งการต่อสู้ เทพเจ้าแห่งเศรษฐี เทพเจ้าแห่งความรัก
เทพแห่งการต่อสู้
เทพแห่งเศรษฐี
เทพเจ้าแห่งความรัก
เมื่อเข้าไปในพระวิหารก็ต้องอึ้งเพราะสิ่งที่เห็นเป็นพระพุทธองค์ใหญ่และสวยมาก ทันที่ที่ได้เห็นผมก็รู้สึกศรัทธา ทำให้จิตใจสงบ เมื่อเปรียบเทียบคนกับพระพุทธรูปตามภาพ คนเหลือตัวนิดเดียว หลวงพ่อซำปอกงหรือหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๕ วา ๓ ศอกคืบ สูง ๗ วา ๒ ศอกคืบ ๑๐ นิ้ว
หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ สร้างสมัยรัชกาลที่4 พ.ศ. 2408
ระหว่างถ่ายรูปหอธรรมผมเหลือบไปเห็นหอระฆัง...โอ้โห...ทำไมมันใหญ่อย่างนี้ พี่คนที่ดูแลวัดเขาบอกว่าเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผมดูแล้วก็น่าจะเป็นจริงดังคำที่พี่เขาพูด
พอผมเข้ามาใกล้ก็ต้องร้องว่า...yes...ใช่เลยใหญ่จริงๆ
ไหนลองเข้าไปในระฆังซิ โอ...มายก๊อด...ระฆังมิดตัวผมเลย
ดูไม้นี่ซิใหญ่เกือบหน้าผมเลย...ไม่นะๆ...ฝั่งโน้นอย่าพึ่งตีระฆังนะ...อย่าๆ...เพ็งๆๆๆ...
เมื่หายมึนจากการโดนไม้ระฆังกระแทกเข้าหน้าแต่ภาระกิจยังไม่จบ...สู้ต่อ...ขอกอดหน่อยนะ...
เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เพิ่งเจอระฆังที่ใหญ่จริงๆ
โบสถ์วัดกัลยาณมิตรวันที่ผมไปเขาไม่เปิดผมเลยไม่ได้ไปถ่ายภาพพระประธานในโบสถ์น่าจะสวยอยู่นะ
เอ๊ะ...ว่าแต่ทำไมใบเสมาจึงมี 2 ใบ แปลกดีผมไปวัดอื่นเห็นมีใบเดียวเท่านั้น..ทำไง...ถามใครดี...นั่นไงพระท่านเดินมานั่นไงลองถามท่านดีกว่าอาจจะได้เรื่องอะไรบ้าง...พระท่านตอบว่าอาตมาพึ่งบวชได้ไม่กี่วันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ใบเสมาจึงเป็นคู่...โยมดูเองก็ละกันนะ...ครับขอบคุุณครับหลวงพี่...งานนี้ท่านผู้ชมก็ดูเอาเองนะ...555+
ใครที่ต้องการถวายสังฆทานก็เชิญโซนนี้ครับถ้าวัดท่านจัดเป็นโซนเพื่อให้สะดวก สะอาด และสงบ
บริเวณรอบๆของวัดกัลยาณมิตรจะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยามีเรือสัญจรไปมาบรรยากาศร่มรืนดูแล้วทำให้สบายตาสบายใจจริงๆครับ
ป้อมที่เห็นใกล้ๆข้างหน้าคือป้อมวิไชยประสิทธิ์ หลายท่านก็จะร้องอ๋อ เพราะละครเรื่องบุพเพสันนิวาสนำไปเป็นส่วนหนึ่งของละครที่สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโดยเจ้าพระยาวิชเยนทร์(คอนสแตน ฟอลคอน)เป็นผู้เสนอโครงการ และที่สำคัญที่สุด ป้อมวิไชยประสิทธิ์เคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
หิวแล้วครับก๋วยเตี๋ยวหน้าวัด ขอกินก่อนนะ แล้วพบกันใหม่นะครับ
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
สถานที่ตั้ง: วัดกัลยาณมิตร ถนนอรุณอัมรินทร์ซอย6 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ค่าจอดรถ 20 บาท ตลอดทั้งวัน
ขอบคุณครับที่ติดตามชม อย่าลืมกดไลค์...กดแชร์...กดติดตามด้วยนะครับ
ติดตามผมได้ที่
www.facebook.com/traveltuktee
traveltuktee.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น