ชวนชิมขนมฝรั่ง เล่าความหลังวัดซางตาครู้ส พิสูจน์กุฏีจีน เยือนถิ่นพิพิธภัณฑ์ สานฝันสะพานพุทธเร่งรุดกรุงเทพมหานคร

จุดเริ่่มต้นให้เราจอดรถที่วัดกัลยาณมิตรแล้วเดินไปริมแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ5นาทีก็จะเจอซุ้มประตูโบสถ์วัดซางตาครู้สอยู่ติดริมน้ำเจ้าพระยาเลยครับ

ศาลาที่เห็นนี้เป็นศาลาที่บรูณะขึ้นมาใหม่ ซึ่งศาลาเดิมสร้างเสร็จในเวลาใกล้เคียงกับตัวโบสถ์ เป็นทรงวิกตอเรีย มีจตุรมุข 4 ด้าน แต่ในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558 คนงานที่มาก่อสร้างทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ทำรถเครนพลาดมาถูกตัวศาลาได้รับความเสียหายอย่างหนักจึงต้องทำการสร้างศาลาขึ้นมาใหม่แต่ยังคงสถาปัตยกรรมเดิม

โบสถ์ซางตาครู้ส ตัวโบสถ์จะมีประตูทางเข้า 5 ประตู มีหน้าต่างด้านละ 7 บาน วันที่ผมไปโบสถ์ปิดครับเลยไม่ได้ชมความงามภายในโบสถ์

ประวัติความเป็นมาของโบสถ์วัดซางตาครู้ส เมื่อทหารพม่าบุกเข้าทำลายกรุงศรีอยุธยาจนราบคราบชาวบ้านได้หนีกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ จนกระทั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหารราชได้กู้เอกราชสำเร็จและทำพิธีราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงธนบุรีแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงทรงพระราชทานที่ดินให้แก่ชาวโปรตุเกสซึ่งได้ร่วมรบกับพระองค์ในการขับไล่พม่าใน พ.ศ. 2310 โบสถ์หลังแรกเป็นโบสถ์ไม้สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2313 แต่ต่อมาในปี 2376 ได้เกิดเพลิงไหม้ชุมชนแห่งนี้รวมถึงโบสถ์จนวอดวายเสียหายหนัก จึงได้ทำการบรูณะขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2459 ก็ได้สร้างโบสถ์โดยใช้สถาปัตยกรรมอิตาเลียนทั้งหลัง ดังปรากฎจนถึงปัจจุบัน

รูปปั้นที่เห็น 2 รูปนี้ คือ นักบุญ อันตน แห่งปาดัว และ นักบุญ ฟรังซิส แห่ง อัสซีซี

จากนั้นเราเข้าไปหาขนมฝรั่งสูตรดังเดิมของชาวโปตุเกสและชมบรรยากาศภายในของชุมชนกุฏีจีนกันดีกว่าครับ

ชุมชนกุฏีจีนเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนอยู่กันอย่างหนาแน่นถนนในซอยมีขนาดความกว้างไม่มากนัก

และสามาถเดินวนทะลุทางออกได้อีกทาง ชุมชนแห่งนี้เดิมเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวโปรตุเกสและชาวจีนที่ติดตามร่วมรบมากับพระเจ้าตากสินในการกู้เอกราชคืนจากพม่าแต่ปัจจุบันใบหน้าของคนในชุมชนนี้ไม่เหลือเค้าโครงของฝรั่งโปรตุเกสให้เห็นอยู่เลยนะครับ

เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอร้านขายขนมฝรั่งโปรตุเกสร้านแรกผมถามแม่ค้าว่าในซอยนี้มีขายขนมแบบนี้กี่เจ้าครับแม่ค้าตอบว่ามี 3 เจ้า แต่ร้านนี้อร่อยสุดผมเลยอุดหนุนพี่เขา 3 ห่อ

ถัดจากร้านขนมมาไม่ไกลเดินประมาณ 3 นาที ก็เจอพิพิธภัณฑ์บ้านกุฏีจีนที่นี้เขามีกาแฟจำหน่ายด้วยนะครับมานั่งจิปกาแฟนั่งชิวๆได้นะครับ แต่ผมต้องรีบไปต่อ เพราะฟ้ามืดมาแล้วครับ

บรรยากาศด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ครับ

บรรยากาศด้านหลังพิพิธภัณฑ์

สุดรั้วบ้านพิพิธภัณฑ์ก็จะเจอป้ายร้านขนมฝรั่งธนูสิงห์

ถึงแล้วครับร้านขนมฝรั่งธนูสิงห์แต่ผมคงไม่เข้าไปนะครับเพราะซื้อร้านแรกมาแล้วกลัวตังค์หมดแต่ร้านเขาก็มีขนมเยอะดีเหมือนกันนะครับใครผ่านไปก็ลองแวะเข้าไปอุดหนุนดูได้นะครับ ถ้าใครซื้อขนมเสร็จก็ให้เดินวนขวาออกอีกทางได้นะครับแต่ถ้าใครจะออกทางเดิมก็ตามสะดวกครับ

เดินวนขวามาประมาณ 5 นาที เห็นบ้านหลังหนึ่งเก่ามากผมถามชาวบ้านว่าเป็นบ้านใคร เขาตอบว่าคนแถวนี้เรียกว่าเรือนจันทรภาพ

มองไปทางขวาจะเห็นสะพานพุทธ พ่อผมเล่าให้ฟังว่าเมื่อประมาณ 30 ปี ที่ผ่านมาแล้ว เวลามีเรือรบขับมาจากป้อมพระจุลเพื่อมุ่งหน้าเอาเรือไปซ่อมที่กรมอู่ทหารเรือ สะพานพุทธก็จะเปิดตรงกลางให้เรือรบวิ่งผ่านไป ส่วนรถยนต์ที่จะข้ามสะพานพุทธ ตำรวจจราจรจะให้จอดรออยู่ตรงเชิงสะพานทั้งสองข้าง ในสมัยนั้นรถยนต์และคนในกรุงเทพไม่เยอะเหมือนกับในสมัยนี้ พ่อผมยังเล่าให้ฟังต่อไปว่าปู่ผมเคยเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดกบฎในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามฝ่ายตรงข้ามได้นำเรือรบมายิงต่อสู้กับอีกฝ่ายหนี่งที่สะพานพุทธแห่งนี้

ถ้ามองไปทางซ้ายจะเห็นป้อมวิไชยประสิทธิ์ และยอดเจดีย์สูงๆนั้น ก็คือวัดอรุณครับ ซี่งในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังสมเด็จพะเจ้าตากสินมหาราช

ฝั่งโน้นข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปจะเป็นปากคลองตลาด ใครที่อยากไปซื้อดอกไม้หรือไปเดินเที่ยวก็จะมีเรือข้ามฝากท่าเรือจอดอยู่ตรงศาลเจ้าแม่กวนฮิม หรือถ้าใครอยากจะไปวัดโพิธ์ชมพระนอนองค์ใหญ่ หรือจะไปวัดพระแก้ว เที่ยวสนามหลวงก็ขึ้นเรือที่ท่านี้ได้เช่นกัน ส่วนรถยนต์ก็จอดไว้ที่วัดกัลยาณมิตรเสีย 20 บาท จอดได้ทั้งวันครับ

หิวแล้วครับ กินขนมจีนสูตรโบราณของโปรตุเกสก่อนนะครับ...เอ๊ะ...แต่ว่าขนมจีนไม่ใช่ของคนจีนหรือ..?เจ้าของร้านบอกว่าขนมจีนที่ร้านขายเป็นสูตรโบราณที่คิดโดยชาวโปรตุเกส